Yengo

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

อัตราการอัพเกรดเป็น iOS 9 รวดเร็วเป็นประวัติการณ์ กินส่วนแบ่งเวอร์ชัน 50% ของ iOS ทั้งหมดแล้ว

แอปเปิลออกมาเผยข้อมูลว่าอัตราการอัพเกรด iOS 9 รวดเร็วเป็นประวัติการณ์ (fastest iOS adoption ever) แซงหน้า iOS รุ่นพี่ๆ และผ่านมาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้อุปกรณ์ iOS จำนวน 50% จากทั้งหมดอัพเกรดมาเป็น iOS 9 เรียบร้อยแล้ว

แอปเปิลจะเริ่มวางขาย iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ในสหรัฐอเมริกาวันศุกร์นี้ (25 กันยายน) ทั้งผ่านร้าน Apple Store, ตัวแทนจำหน่าย และร้านของโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐ

ที่มา - Apple

iOS 9, iOS, Apple, Market Share, iPhone 6s
from Blognone https://www.blognone.com/node/72740
via IFTTT

Adobe อัพเดตแพตช์ความปลอดภัย Flash Player ชุดใหญ่ แก้ช่องโหว่ 23 จุด

Adobe อัพเดตแพตช์ความปลอดภัยให้ Flash Player ชุดใหญ่จำนวน 23 จุด ตัวเลขเวอร์ชันล่าสุดคือ 19.0.0.185 และ 18.0.0.241 (สำหรับผู้ใช้กลุ่ม Extended Support)

Adobe ระบุว่ายังไม่พบการโจมตีช่องโหว่เหล่านี้ในทางปฏิบัติ แต่ก็แนะนำให้ผู้ใช้งานอัพเดต Flash เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที

ผู้ใช้ IE/Edge สามารถกดอัพเดตได้จาก Windows Update (Microsoft Security Advisory) ฝั่งของกูเกิลเองก็ออก Chrome 45.0.2454.99 ที่รวม Flash Player รุ่นล่าสุดมาให้แล้วเช่นกัน คนที่ใช้ Chrome ก็กดอัพเดตกันด้วยนะครับ

ที่มา - Adobe, Threatpost

Flash, Adobe, Security
from Blognone https://www.blognone.com/node/72737
via IFTTT

แอปเปิลปล่อยอัพเดต watchOS 2 ให้ Apple Watch แล้ว จำเป็นต้องใช้คู่กับ iOS 9

หลัง watchOS 2 มีบั๊กจนแอปเปิลต้องเลื่อนเปิดตัว ล่าสุดแอปเปิลแก้บั๊กเรียบร้อย และปล่อยอัพเดต watchOS 2 ให้ผู้ใช้ Apple Watch ทุกคนแล้ว กระบวนการอัพเดตสามารถทำได้ผ่านแอพ Apple Watch บน iOS

ทั้งนี้การอัพเดต watchOS 2 จำเป็นต้องอัพเดต iPhone เป็น iOS 9 ก่อน

ฟีเจอร์ใหม่ของ watchOS 2 คือการเพิ่มระบบแผนที่เข้ามา (ข่าวเก่า) และเปิด API ให้นักพัฒนาเข้าถึงฮาร์ดแวร์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราได้เห็นแอพที่มีความสามารถมากขึ้นนั่นเองครับ

ที่มา - Ars Technica

Apple Watch, Apple, Wearable Computing
from Blognone https://www.blognone.com/node/72736
via IFTTT

Skype กลับมาให้บริการได้ปกติ หลังล่มติดต่อกันนานหลายชั่วโมง

จากปัญหา Skype ล่มทั่วโลกเมื่อวานนี้ หลังจากล่มมาตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวาน (ตามเวลาประเทศไทย) เมื่อคืนนี้ทาง Skype ก็ประกาศว่าพบปัญหาและแก้ไขแล้ว ก่อนจะกลับมาเปิดบริการตามปกติทั้งหมด 100% ช่วงเช้ามืดของวันนี้ (22 ก.ย.)

Skype ระบุต้นตอของปัญหาสั้นๆ แค่ว่าเป็นปัญหาระบบเครือข่าย (network issue) โดยยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าเกิดจากอะไรครับ

ที่มา - Skype

Skype, Service Outage
from Blognone https://www.blognone.com/node/72735
via IFTTT

หลุดภาพเรนเดอร์ Lumia 550

เว็บไซต์ในรัสเซียแห่งหนึ่งเผยภาพ Lumia 550 และเว็บไซต์ WMPoweruser ยืนยันว่าทั้งภาพและสเปคที่หลุดก่อนหน้านี้เป็นของจริง

จากภาพ (ดูได้ที่ท้ายข่าว) จะเห็นว่าหน้าตาคล้าย Lumia 640 ส่วนสเปคเป็นดังนี้

  • หน้าจอ 4.7 นิ้ว AMOLED ที่ความละเอียด 720×1080 พิกเซล
  • Qualcomm Snapdragon 210 พร้อมซีพียูควอดคอร์ที่ 1.1 กิกะเฮิรตซ์
  • แรม 1 กิกะไบต์ หน่วยความจำภายใน 8 กิกะไบต์ รองรับ microSD
  • กล้องหลัก 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช
  • รองรับ LTE
  • มีสีแดง ดำ ขาว น้ำเงิน ให้เลือก

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า กล้องหน้าจะมาพร้อมแฟลชหรือจะเป็นตัวสแกนท่านตากันแน่

คาดว่า Lumia 550 จะได้รับการเปิดตัวราวต้นปีหน้า

ที่มา: WMPoweruser

Lumia, Microsoft, Leak
from Blognone https://www.blognone.com/node/72734
via IFTTT

แอปควบคุมการใช้งานสมาร์ตโฟนสำหรับเด็กในเกาหลีไต้มีช่องโหว่จำนวนมาก, ส่งประวัติการใช้เว็บโดยไม่เข้ารหัส

เกาหลีใต้มีนโยบายให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือสำหรับเด็กต้องมีมาตรการควบคุมการใช้งานให้กับผู้ปกครอง ทางกสทช.เกาหลี (Korean Communications Commission - KCC) ออกมาสนับสนุนสมาคมธุรกิจอินเทอร์เน็ตเกาหลี (Korean Mobile Internet Business Association - MOIBA) ด้วยเงินถึง 3.18 พันล้านวอนหรือประมาณ 100 ล้านบาท ให้พัฒนาแอปพลิเคชั่น Smart Sheriff แต่ Citizen Lab กลับพบว่าแอพพลิเคชั่นตัวนี้มีช่องโหว่จำนวนมาก

ช่องโหว่ที่ Citizen Labs ตรวจสอบพบได้แก่

- ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้เก็บ, หรือส่งกลับเซิร์ฟเวอร์อย่างปลอดภัย ถูกดักฟังได้ง่าย
- แอปพลิเคชั่นสามารถถูกยิงโค้ดเข้ามารันได้
- การออกแบบมีช่องโหว่ทำให้ผู้ปกครองควบคุมการใช้งานไม่ได้จริง
- บัญชีลงทะเบียนโดยไม่มีการตรวจสอบยืนยันอย่างถูกต้อง
- แม้จะปิดบริการบล็อคเว็บไปแล้ว แต่ตัวแอปพลิเคชั่นยังส่งประวัติการเข้าเว็บกลับเซิร์ฟเวอร์อย่างต่อเนื่อง
- เซิร์ฟเวอร์ไม่มีการจำกัดการใช้งาน ทำให้เสี่ยงต่อการถูกยิงด้วยการเชื่อมต่อปริมาณมากๆ

หลังจาก Citizen Lab รายงานเรื่องนี้กลับไปยัง MOIBA ทาง MOIBA ก็ปรับให้การเชื่อมต่อกลับเซิร์ฟเวอร์มีการเข้ารหัส แต่ตัวแอปพลิเคชั่นก็ยังคงไม่ตรวจสอบใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ทำให้เสี่ยงต่อการดักคั่นการเชื่อมต่ออยู่ดี

เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีประวัติคำนึงถึงความปลอดภัยข้อมูลมายาวนาน ในยุคที่สหรัฐฯ ห้ามส่งออกกระบวนการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งเกิน 40 บิต เกาหลีใต้พัฒนากระบวนการ SEED ที่มีความแข็งแกร่ง 128 บิตขึ้นมาใช้งานเองผ่าน ActiveX ในแง่ของข้อมูลส่วนตัว เกาหลีใต้มีกฎหมาย Personal Information Protection Act (PIPA) ระบุว่าต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัว เช่น การเข้ารหัสข้อมูลเมื่อมีการเก็บหรือส่งต่อข้อมูลเหล่านี้

ที่มา - Citizen Lab

upic.me

Citizen Lab, Privacy, South Korea
from Blognone https://www.blognone.com/node/72732
via IFTTT

ZERODIUM ประกาศรับซื้อช่องโหว่ iOS 9 แบบพร้อมใช้ ชุดละล้านดอลลาร์

ZERODIUM บริษัทรับซื้อช่องโหว่ซอฟต์แวร์ที่ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้ง VUPEN ประกาศรับซื้อช่องโหว่สำหรับ iOS 9 ที่เจาะผ่านเบราว์เซอร์หรือ SMS/MMS และทำให้เครื่องสามารถเข้าถึงจากระยะไกลได้โดยผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการเปิดเว็บหรือข้อความ เงินค่าช่องโหว่ชุดละล้านดอลลาร์ รวมเงินไม่เกินสามล้านดอลลาร์

ช่องโหว่จะต้องเป็นชุดพร้อมใช้ สามารถฝ่าระบบป้องกัน เช่น ASLR, sandbox, หรือกระบวนการตรวจสอบการบูตได้ และช่องโหว่ต้องรองรับทั้ง iOS รุ่น 32 บิตและ 64 บิต สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ ได้แก่ iPhone 6/6s, iPhone 5/5s/5c, iPad Air 2, iPad Air, iPad 3, iPad 4, iPad mini 2, iPad mini 4

งานนี้ไม่ใช่รายการรายงานบั๊กเหมือนกันการรายงานไปยังผู้ผลิต แม้ว่ารางวัลจะสูงแต่หลังจากรายงานแล้วสิทธิ์การใช้งานข้อมูลช่องโหว่จะเป็นของ ZERODIUM เพียงผู้เดียว

ที่มา - ZERODIUM

Security, iOS 9, iOS
from Blognone https://www.blognone.com/node/72731
via IFTTT

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

เต็มตากับ Dead or Alive Xtreme เกมวอลเลย์บอลภาคใหม่ พร้อมลง Playstation VR

Team Ninja ผู้พัฒนาซีรี่ย์เกมสุดเซ็กซี่ Dead of Alive ได้ออกมาประกาศว่า เกมวอลเลย์บอลภาคใหม่ Dead or Alive Xtreme 3 (ที่ไม่ใช่เกมต่อสู้แบบ Dead or Alive ธรรมดา) สำหรับ PlayStation 4 จะถูกวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิปี 2016 และจะสามารถใช้แว่น PlayStation VR ในการเล่นได้ด้วย

ซึ่งถึงจุดนี้คงไม่ต้องปิดบังกันแล้วว่า PlayStation VR จะถูกนำมาใช้เพื่อส่องสาวๆในเกม โดยสาวๆในเกมนั้นมาจาก popular vote (ที่จัดไปแล้ว) ซึ่งได้แก่ Marie Rose, Honoka, Kasumi, Ayane, Kokoro, Nyotengu, Hitomi, Momiji, และ Helena

สำหรับการวางจำหน่ายในภูมิภาคอื่นๆนอกจากญี่ปุ่นยังไม่มีการประกาศครับ

ที่มา - Dengekionline via Destructoid

Games, PlayStation VR, Project Morpheus, Virtual Reality
from Blognone https://www.blognone.com/node/72692
via IFTTT

Skype ล่มทั่วโลก ไมโครซอฟท์ระบุกำลังหาทางแก้ไข

วันนี้มีรายงานข่าวออกมาจากสำนักข่าวหลายแห่งว่า Skype ล่มเป็นวงกว้างทั่วโลก และกระทบต่อผู้ใช้ (ไม่มีข้อมูลระบุออกมาในตอนนี้ว่ามีผู้ได้รับผลกระทบแล้วกี่ราย) โดยปัญหาที่เจอคือไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้งานได้

จากข้อมูลของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ The Telegraph ของอังกฤษ ระบุว่าภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ และญี่ปุ่น ตามลำดับ

ด้านไมโครซอฟท์ โดยทีมงานของ Skype ออกมาทวิตในบัญชีทางการทั้ง @skype และ @skypesupport ว่า รับทราบปัญหาแล้ว และกำลังแก้ไขอยู่ โดยระบุแต่เพียงว่ามีผู้ใช้บางคนที่ได้รับผลกระทบ และขออภัยในความไม่สะดวก

ที่มา - Skype, Sky News, VentureBeat, The Telegraph, @skype, @skypesupport

Skype, Microsoft, Service Outage
from Blognone https://www.blognone.com/node/72729
via IFTTT

ซัมซุงเปิดราคา Galaxy S6 edge+ วางจำหน่ายที่ราคา 29,900 บาท เริ่มจำหน่าย 25 กันยายนนี้เป็นต้นไป

หลังจากที่ Galaxy Note 5 เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยไปแล้วหลังเปิดตัวเพียงไม่กี่วัน ล่าสุดก็ถึงคิวของมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกันอย่าง Samsung Galaxy S6 edge+ ที่ได้กำหนดวางจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

โดยเว็บไซต์เพื่อนบ้าน MXPhone ได้เผยกำหนดการ รวมถึงราคาของตัวเครื่องออกมาแล้ว โดยที่ราคาจำหน่ายของ Galaxy S6 edge+ นั้นถูกเปิดออกมาที่ 29,900 บาท (แพงกว่า Note 5 4,000 บาท และ S6 edge เมื่อครั้งเปิดตัว 2,000 บาท) โดยที่จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนนี้เป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่ายของซัมซุงไทย และเครือข่ายหลักทั้งสามค่ายครับ

ที่มา - MXPhone

Galaxy S6, Samsung, Mobile, Thailand
from Blognone https://www.blognone.com/node/72728
via IFTTT

อินเดียเตรียมแจก Raspberry Pi ให้ทุกโรงเรียนในรัฐเกรละ

อินเดียประกาศโครงการ Electronics@School พัฒนาความสามารถด้านอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ให้กับเด็ก โดยเตรียมกระจายคอมพิวเตอร์และชุดอิเล็กทรอนิกส์ให้กับโรงเรียนทั่วรัฐเกรละ (Kerala) รวมประมาณ 6,000 โรงเรียน

โครงการอีกส่วนจะแจกชุด Raspberry Pi ให้กับนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกอีกทั้งหมด 10,000 ชุด

ชุดคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะถูกใช้เสริมกับวิชาฟิสิกส์ชั้นม.3 และม.4 โดยก่อนหน้านี้หลักสูตรใหม่ได้รับการรับรองไปก่อนหน้านี้แล้ว และเริ่มทดสอบการเรียนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากับนักเรียน 2,500 คน เป้าหมายของโครงการนี้คือสร้างเยาวชนที่มีความสามารถทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มอีก 40,000 คน

ที่มา - NDTV

India, Education
from Blognone https://www.blognone.com/node/72727
via IFTTT

Oracle เปิดตัว FS1 ตู้ SAN แฟลชล้วน ทำงานเข้าขากับ Oracle Database

เข้ามาเล่นในตลาดสตอเรจแฟลชอย่างจริงจังสำหรับ Oracle หลังจากเมื่อต้นปีเพิ่งเปิดตัว FS1 รุ่นไฮบริดไปก่อน ก็ถึงคิวเปิดตัวเวอร์ชันแฟลชล้วนมาบ้างเมื่อปลายเดือนสิงหาคม พร้อมกับเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

สเปคตัวคอนโทรลเลอร์ของ FS1 รุ่นแฟลชล้วนจะเท่ากับรุ่นไฮบริดแทบทุกอย่าง ซีพียูเป็น Xeon E5-2620 หกคอร์ความถี่ 2GHz (รวมเป็น 24 คอร์) ใส่แรมได้สูงสุด 384GB รองรับ SSD ความจุสูงสุด 912TB แต่ถ้าใช้ SSD แบบเน้นประสิทธิภาพสูงจะอยู่ที่ 156TB

เพื่อให้ใช้งานพื้นที่หน่วยความจำแฟลชได้อย่างคุ้มค่า FS1 มาพร้อมกับระบบบีบอัดข้อมูล Hybrid Columnar Compression (HCC) ที่เคลมว่าสามารถลดขนาดของข้อมูลให้เหลือเพียง 1 ใน 10 และยังสามารถบีบอัดตัว Oracle Database ที่เข้ารหัสซึ่งไม่สามารถทำ data deduplication ได้อีกด้วย

ในแง่ของประสิทธิภาพ FS1 สามารถทำ IOPS ได้ถึง 215,000 ที่การทดสอบอ่าน-เขียนขนาด 32KB และทำ write throughput ที่ 5.4GBps ในขณะที่ latency ยังอยู่ในระดับมิลลิวินาที พร้อมกับระบบจัดการหน่วยความจำแฟลช ทำให้สามารถรองรับฐานข้อมูลได้ในระดับหลายร้อยฐานข้อมูล แต่ก็ยังทำงานได้รวดเร็วด้วยการตั้งค่าโปรไฟล์หน่วยความจำแฟลช ที่ออกแบบมาเพื่อ Oracle Database โดยเฉพาะ

รายละเอียดสเปคอื่นๆ สามารถอ่านได้จากเอกสารทางการของ Oracle ครับ

Oracle, Database, Enterprise, Flash, Storage
from Blognone https://www.blognone.com/node/72726
via IFTTT

LG เปิดตัว LG Class สมาร์ทโฟนตัวเครื่องโลหะล้วน หน้าจอ 2.5D

มีภาพหลุดมาก่อนช่วงสุดสัปดาห์ ตอนนี้ก็ถึงคิวเปิดตัวจริงของ LG Class สมาร์ทโฟนซีรีส์ใหม่ที่มาพร้อมกับการออกแบบค่อนข้างแปลกตาไปจากเคย

ตามสเปคที่ออกมา LG Class จะจัดอยู่ในระดับกลางของตลาด หาใช่รุ่นท็อปอย่างที่เคยมีข่าวออกมา แต่ก็ใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งชิ้น พร้อมกับกระจกหน้าจอ 2.5D โค้งเล็กน้อยที่ขอบทั้งสองด้าน รวมถึงใช้ปุ่มด้านหลังตัวเครื่องตามแนวทางสมาร์ทโฟน LG ช่วงหลัง โดยสเปคมีดังนี้

  • หน้าจอขนาด 5" ความละเอียด 720p
  • ชิป Snapdragon 410 ควอดคอร์ความถี่ 1.2GHz รองรับ 64 บิต
  • รองรับ LTE
  • หน่วยความจำภายใน 16GB, แรม 2GB
  • กล้องหลัง 13 เมกะพิกเซล กล้องหน้า 8 เมกะพิกเซล
  • ตัวเครื่องบาง 7.4 มม. แบตเตอรี่จุ 2050mAh

    จุดเด่นอื่นๆ คือใช้ลำโพงกำลังสูง 1 วัตต์ พร้อมกับฟีเจอร์ถ่ายภาพต่างๆ อย่างที่รุ่นท็อปทำได้ ตอนนี้ยังวางขายเฉพาะในเกาหลีใต้ก่อน เปิดราคามาที่ 399,300 วอน หรือประมาณ 12,000 บาท

ที่มา - Android Authority

สามสี ทอง น้ำเงินเข้ม เงิน

LG, Mobile, South Korea
from Blognone https://www.blognone.com/node/72724
via IFTTT

เบื้องหลังระบบไอทีของทีมรถแข่ง Lotus F1 ใช้คลาวด์, Machine Learning, 3D Printing

ในงานแถลงข่าว Microsoft Dynamics ที่ประเทศสิงคโปร์ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ไมโครซอฟท์เชิญตัวแทนจากทีมรถแข่ง Lotus F1 (ที่ไมโครซอฟท์เป็นพันธมิตรและสปอนเซอร์) มาเล่าเบื้องหลังระบบไอทีที่ทีม F1 ใช้กัน ซึ่งเป็นของแปลกที่หาฟังได้ยากครับ

งานนี้เราได้คุณ Thomas Mayer ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของทีม Lotus F1 (ชื่อเดิมคือ Benetton และ Renault) มาเล่ากระบวนการทำงานของทีม F1 ให้ฟังกันว่าเขาทำงานกันอย่างไร

Formula One World Championship

คุณ Thomas Mayer, COO ของทีม Lotus F1 (คนขวามือในภาพ) เริ่มต้นด้วยการเล่าว่าในมุมมองของคนทั่วไป ทีมรถแข่ง F1 เน้นไปที่ประสิทธิภาพของรถยนต์ และความสามารถของนักแข่งรถเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วทีม F1 ถือเป็นองค์กรที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี (ไม่ใช่เฉพาะไอที) สูงมาก ทั้งทีมมีคนทำงานมากกว่า 500 คน มากกว่าที่เราเห็นเวลาแข่งรถเยอะเลย

Microsoft Dynamics Singapore

คุณ Mayer บอกว่ารูปแบบการทำงานของทีม F1 (ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล) จะคล้ายกับบริษัทในอุตสาหกรรมการบิน (aerospace) หรืออุตสาหกรรมอาวุธ (defense) ตรงที่ต้องใช้เทคโนโลยีไฮเทค ใช้เทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์ และต้องมีกระบวนการผลิต (manufacturing) ที่ทันสมัยเป็นอย่างมาก เพราะวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในรถแข่ง F1 ต้องน้ำหนักเบา มีความทนทานสูง ความแตกต่างของส่วนประกอบรถยนต์ย่อมมีผลต่ออันดับการแข่งขัน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดขององค์กร

ทีม F1 จึงถือเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ (material science) สูงมากแห่งหนึ่งของโลก และโค้ดของซอฟต์แวร์ที่ใช้ภายในก็สามารถแชร์ร่วมกับบริษัทผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลกได้ เพราะรูปแบบการทำงานคล้ายคลึงกัน

แต่จุดที่ทีม F1 ต่างจากอุตสาหกรรมการบินหรืออาวุธ คือความเร็วในการทำงาน (agility) เพราะรถแข่ง F1 แข่งกันบ่อยทุก 1-2 สัปดาห์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งฝั่งของฮาร์ดแวร์รถยนต์ และซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุม จึงมีรอบการพัฒนาที่เร็วกว่ากันมากๆ เพราะชิ้นส่วนหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแข่งสนามนี้ อาจไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสนามถัดไป ตรงนี้ถือเป็นข้อจำกัดของทีม F1 ที่บริษัทผลิตเครื่องบินหรืออาวุธไม่ต้องเจอ

Formula One World Championship

กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทีม F1 ไม่ต่างอะไรกับบริษัทไฮเทคทั่วไป คือต้องมีฝ่ายวิจัย (R&D) ฝ่ายผลิต (production) และต้องมีระบบการดูแลหลังขาย (after sales service) แบบเดียวกับบริษัทไอที เพียงแต่ลูกค้าคือทีมแข่งขัน ซึ่งถือเป็นอีกส่วนงานในองค์กรเดียวกัน

ทางทีม Lotus F1 ที่คุณ Mayer ดูแลอยู่ มีรอบการพัฒนาต้นแบบ (prototyping) ผลิตภัณฑ์ทุก 2 สัปดาห์ เทคนิคสมัยใหม่อย่างการขึ้นรูปด้วย 3d printer จึงเข้ามาช่วยในการสร้างต้นแบบได้ดีมาก ทางทีมต้องออกแบบชิ้นส่วนใหม่ปีละ 50-100 ครั้ง คุณ Mayer บอกว่าการใช้ไอทีช่วยลดเวลาการทำงานลงได้มาก จากเดิมกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 1 รอบ (นับตั้งแต่ออกแบบ ทดสอบ deploy) อาจใช้เวลานาน 4 สัปดาห์ ก็สามารถลดลงเหลือ 1 สัปดาห์ได้ ตรงนี้ทีมไหนที่มีระบบไอทีดีกว่า ทำงานเร็วกว่า ก็จะได้เปรียบคู่แข่งมากกว่า

การวิจัยรถแข่งในปัจจุบันนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากมาย รถแข่ง F1 หนึ่งคันมีเซ็นเซอร์มากกว่า 2,000 จุด (ส่วนใหญ่อยู่ในเครื่องยนต์) ตัวเลขทุกอย่างต้องตรวจวัดตลอดเวลา เช่น การวัดอุณหภูมิของพื้นสนามเพื่อเปลี่ยนยางให้เหมาะสม

เมื่อทางทีมต้องรองรับปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลจากเซ็นเซอร์เหล่านี้ ย่อมไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะวิเคราะห์ข้อมูลได้ทัน ทางออกคือใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วย ตอนนี้ทางทีมเริ่มใช้เทคนิค machine learning เข้ามาช่วยวิเคราะห์แล้ว

Formula One World Championship

คุณ Mayer เล่าว่าในธุรกิจที่แข่งขันสูงแบบ F1 จะมีมุมมองที่ไม่เน้นการประหยัดเงินค่าพัฒนาระบบ เพราะเป้าหมายคือแข่งขันให้ชนะ แต่จะมีมุมมองว่าลงทุนไปแล้วต้องได้ผลลัพธ์กลับมาคุ้มค่าที่สุด ดังนั้นในทีมซอฟต์แวร์ของ Lotus F1 จะมีตัวชี้วัดของการพัฒนาโค้ดเป็น "ระยะเวลาต่อรอบ" (lapse time) ว่าถ้าลงทุนพัฒนาซอฟต์แวร์ส่วนนี้เพิ่มเข้ามา ในภาพรวมแล้วจะสามารถลด lapse time ของการแข่งขันลงได้กี่วินาที

สุดท้าย คุณ Mayer บอกว่าการนำระบบไอทีเข้ามาใช้งานยังช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เดิมทีทางทีมของเขาต้องแบกตู้แร็คเซิร์ฟเวอร์ไปตามสนามแข่งขันต่างๆ ทั่วโลก แต่ช่วงหลังเขาสามารถรันงานบนคลาวด์ได้โดยตรง โดยเลือก provisioning ตัวโค้ดที่อยู่บนคลาวด์ไปไว้ที่ data center ที่ใกล้สนามแข่งมากที่สุดเพื่อลด latency

อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าการทำแบบนี้ได้ ทางสนามแข่งต้องมีอินเทอร์เน็ตให้ใช้งานมากกว่า 1 สายเพื่อทำ redundancy เผื่อว่าเน็ตมีปัญหาระหว่างการแข่งขัน จะได้ยังต่อเชื่อมระบบได้ตลอด ซึ่งตอนนี้สนามแข่งส่วนใหญ่ยังมีเน็ตแค่ 1 สายเท่านั้น ทำให้หลายกรณียังต้องใช้วิธีแบกตู้แร็คไปเหมือนเดิม

Formula One World Championship

ผมมีโอกาสเข้าไปดูในสนามแข่ง F1 ที่สิงคโปร์ด้วย พบว่าตรงข้างๆ ทีมมอนิเตอร์ที่นั่งอยู่ติดขอบสนาม มีตู้แร็คขนาดเล็กวางอยู่จริงๆ ครับ (หลุดกรอบในภาพออกไปนิดหน่อย) ส่วนใน pit หรืออู่ที่อยู่ด้านข้างสนาม ก็นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยมากมายครับ (เผอิญว่าเขาไม่พาเข้าด้านในสุด เลยได้ดูแต่แบบไกลๆ)

หมายเหตุ: ทีม Lotus F1 ใช้ระบบ Dynamics ERP ของไมโครซอฟท์ และเป็นพาร์ทเนอร์กันหลายเรื่อง ดังจะเห็นว่าไมโครซอฟท์มีโฆษณา Xbox บนตัวถังรถ และดึงนักแข่งทีม F1 ไปเป็นพรีเซนเตอร์เกม Forza 6 ด้วย

Formula One World Championship

F1, Machine Learning, Cloud Computing, 3D Printing, Microsoft, Microsoft Dynamics, Enterprise
from Blognone https://www.blognone.com/node/72722
via IFTTT

Hyperloop ได้อดีตผู้บริหาร Cisco มานั่งซีอีโอ วางแผนพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่ขนส่งฯ

เป็นรูปเป็นร่างไปอีกขั้นสำหรับ Hyperloop แนวคิดระบบขนส่งความเร็วสูง ที่ Elon Musk นำมาเปิดเผยแก่สาธารณะเมื่อกลางปี 2013 หลังจากเปิดโครงการแข่งขันออกแบบตัวท่อขนส่งรุ่นต้นแบบไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้ทีมที่พัฒนาได้ตั้งบริษัทของตัวเองในชื่อ Hyperloop Technology

Hyperloop Technology นำทีมโดย Brogan BamBrogan อดีตวิศวกรด้านอวกาศ และ Shervin Pishevar นักลงทุนด้านการขนส่ง ร่วมทีมกันมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน 2014 และเพิ่งได้ตัว Rob Lloyd อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Cisco ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อกลางปี มารับตำแหน่งซีอีโอคุมงานแทน BamBrogan ที่เป็นซีอีโอชั่วคราวมาได้พักใหญ่

พร้อมกับการรับตำแหน่ง Lloyd โพสต์บล็อกแรกบน Hyperloop ในฐานะของซีอีโอ พูดถึงทิศทางของโครงการว่า Hyperloop ตั้งใจจะสร้างพันธมิตรกับบรรดายักษ์ใหญ่ด้านวิศวกรรม และการขนส่งทั่วโลก เพื่อก่อร่างสร้างระบบสำหรับการพัฒนาแพลตฟอร์ม Hyperloop พร้อมทั้งโชว์ผลงานการพัฒนาเป็นรูปเป็นร่างออกมาเป็นครั้งแรก

สำหรับสถานะของ Hyperloop Technology สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในลอสแองเจลิส มีพนักงานราว 50 คน ได้รับเงินทุนก้อนแรกไปแล้วราว 11 ล้านเหรียญ และมีรายงานว่ากำลังจะได้เงินทุนก้อนที่สองอีกกว่า 80 ล้านเหรียญเร็วๆ นี้

ที่มา - Fortune

Hyperloop
from Blognone https://www.blognone.com/node/72721
via IFTTT

แค่แชทก็ได้งาน! Jobot บอทตัวใหม่ใน WeChat ใช้ซ้อมสัมภาษณ์งาน

WeChat นับเป็นแอพสื่อสารด้วยข้อความที่นิยมสูงตัวหนึ่งในจีน และสิ่งที่ตามมาคือเหล่าบอท ที่คอยโต้ตอบข้อความกับผู้ใช้ เช่นบอทหญิงสาวที่ชื่อ Xiaoice ของไมโครซอฟท์ มีคนตามกว่า 20 ล้านราย

ล่าสุดมีคนคิดค้นระบบบอทที่ชื่อ Jobot เป็นระบบบอทโต้ตอบข้อความในเชิงการสัมภาษณ์งาน ซึ่งทำงานบนระบบเครือข่ายข้อความของ WeChat และใช้ IBM Watson ในการอ่านอารมณ์ บุคลิก ความสนใจของผู้ใช้ที่เข้ามาคุยด้วย เพื่อช่วยค้นหางานและผู้ว่าจ้างให้เหมาะสม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้ผู้ที่กำลังหางานได้ฝึกฝนกลยุทธ์การตอบคำถาม แม้จะเป็นการคิดก่อนพิมพ์ ไม่ได้ส่งอวัจนภาษาถึงกัน

บอทตัวนี้ยังไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนนี้กำลังพัฒนาระบบหลังบ้านให้เหล่าผู้ว่าจ้างถอดข้อมูลออกมาวิเคราะห์ต่อได้

ที่มา - TechCrunch

WeChat
from Blognone https://www.blognone.com/node/72707
via IFTTT

Foxconn สนใจซื้อธุรกิจ LCD ของ Sharp, อาจมีแอปเปิลเป็นผู้สนับสนุนเงินทุน

ถ้าจำกันได้ เมื่อหลายเดือนก่อน Sharp ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีรายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ซึ่งอาจจะรวมถึงการขายธุรกิจหน้าจอ LCD ออกไป ตอนนี้มีรายงานว่ามีคนสนใจซื้อธุรกิจ LCD ของ Sharp แล้ว

จากรายงานของ Nikkei ระบุว่า Hon Hai Precision Industry Co หรือที่คุ้นกันในชื่อ Foxconn วางแผนจะระดมทุนเพื่อเข้าซื้อธุรกิจหน้าจอ LCD มาจาก Sharp หลังจากก่อนหน้านี้เคยพูดคุยกันถึงการทำธุรกิจร่วม ก่อนจะจบลงในช่วงปี 2012 เนื่องจากทาง Sharp กังวลว่า Foxconn จะมีอำนาจในการควบคุมธุรกิจมากเกินไป

แม้จะไม่เปิดเผยมาว่า Foxconn ต้องใช้เม็ดเงินเท่าไรในการเข้าซื้อหน่วยธุรกิจ LCD ของ Sharp แต่แหล่งข่าวคาดว่า Foxconn กำลังมองหากลุ่มทุนมาสนับสนุนแผนนี้อยู่ โดยมีแอปเปิลซึ่งเป็นลูกค้าหลัก เป็นตัวเต็งในการให้ทุนสนับสนุน

ที่มา - Business Insider

Foxconn, LCD, Sharp, Acquisition, Apple, Rumors
from Blognone https://www.blognone.com/node/72708
via IFTTT

มุมมองนักลงทุน Jeffrey Paine จาก Golden Gate Ventures ต่อวงการสตาร์ตอัพไทย

โครงการ dtac Accelerate ปี 2015 เชิญนักลงทุนชื่อดังระดับเอเชียมาเป็น mentor ให้ความรู้กับทีมสตาร์ตอัพที่ผ่านเข้ารอบ หนึ่งในนักลงทุนที่ทาง dtac เชิญมาคือ Jeffrey Paine ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทลงทุน Golden Gate Ventures ซึ่งเป็น venture capital (VC) จากประเทศสิงคโปร์

Golden Gate Ventures ก่อตั้งเมื่อปี 2012 ในสิงคโปร์ เน้นการลงทุนใน early state สตาร์ทอัพอย่าง Seed Round และ Series A ลงทุนไปแล้วกว่า 25 บริษัททั่วภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และมีแผนจะลงทุนเพิ่มในภูมิภาคนี้อีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐจากการระดมทุนรอบล่าสุด

ปัจจุบัน Golden Gate Ventures ได้ลงทุนกับสตาร์ตอัพในประเทศไทยไปแล้ว 4 ราย ได้แก่ Claim Di แอพเคลมประกัน (ร่วมโครงการ dtac Accelerate Batch 2), Stamp แอพสะสมแต้ม, Noonswoon แอพหาคู่ และ Hubba บริการสถานที่ทำงานให้กับเหล่าสตาร์ทอัพและอาชีพอิสระ

FullSizeRender

สาเหตุที่ให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทย

ปัจจัยหลักอยู่ที่ตลาดแอพพลิเคชันบนอุปกรณ์พกพา (mobile application) ในไทยทำเงินได้มากกว่าในอินโดนีเซียถึง 5 เท่า แม้ว่าอินโดนีเซียจะมีประชากรที่มากกว่าก็ตาม

ส่วนปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ ความสามารถในการแก้ปัญหา และศักยภาพของผู้ก่อตั้งในด้านความรู้ และประสบการณ์

อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดในไทยบริษัทไม่ได้มองที่มูลค่าตลาดรวมเพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่เอื้อต่อการลงทุนอยู่แล้ว และมีความคาดหวังต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพให้มีมูลค่าประมาณ 50–200 ล้านเหรียญสหรัฐ

หลังจากเจอทีมสตาร์ตอัพไทยรอบล่าสุด ประทับใจอะไรในสตาร์ตอัพไทยจาก dtac Accelerate

สิ่งที่ Jeffrey Paine ประทับใจสำหรับการพบปะกับสตาร์ตอัพในโครงการ dtac Accelerate รอบนี้ คือ ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพจากคนในวงการธุรกิจ (SME) นั้นๆ เอง ทำให้มีประสบการณ์และรับรู้ปัญหาในแวดวงธุรกิจกิจนั้น ได้ทะลุปรุโปร่งมากกว่าสตาร์ทอัพที่มักเริ่มก่อตั้งมาจากคนไอที

ทีมในโครงการ dtac Accelerate Bootcamp ชุดที่ 3 ทั้ง 6 ทีม Paine ให้ความสนใจหลายๆ ทีมจากความประทับใจข้างต้น และมีความเป็นไปได้สูงที่จะลงทุนกับทีมเหล่านี้ และให้ความเห็นว่าทุกทีมล้วนมีศักยภาพเพียงแต่อาจจะต้องปรับแผนบางอย่างเล็กน้อยก็อาจก้าวไปได้อีกไกล

บริษัทลงทุนมีฐานคิดในการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป บางรายมองตลาดระดับภูมิภาคก่อน แต่สตาร์ทในไทยมีการเน้นที่ตลาดภายในประเทศก่อน ซึ่งตรงกับความต้องการของบริษัทลงทุน Golden Gate Ventures และเมื่อสนใจในธุรกิจสตาร์ทอัพใดจะนำธุรกิจตัวนั้นมาวิเคราะห์ใน 4 ประเด็น

  1. แรงบันดาลใจหรือจุดประสงค์ของธุรกิจ
  2. วิสัยทัศน์ของสตาร์ทอัพที่มีความมุ่งมั่นและเป็นหนึ่ง
  3. การสรรหาคนมาเข้าร่วมพัฒนาธุรกิจ เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคและการเติบโต
  4. ความมุ่งมั่นในธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม Paine มองว่าสตาร์ตอัพไทยยังมีจุดอ่อนที่ทรัพยากรบุคคลในด้านศักยภาพของวิศวกร แม้ว่าภาพรวมของตลาดสตาร์ตอัพเหมาะสมกับการลงทุนก็ตาม

สตาร์ตอัพไทยควรเน้นอะไรบ้าง เพื่อประสบความสำเร็จ

Paine ให้ความเห็นว่า “ไม่ควรทิ้งตลาดไทย และควรออกสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น หากศักยภาพของผลิตภัณฑ์เอื้อต่อการเติบโตในแนวทางนี้”

นอกจากนี้ สตาร์ตอัพไทยควรมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดี และที่สำคัญควรหาโอกาสไปเที่ยวในต่างประเทศเพื่อเปิดหูเปิดตา และสร้างสัมพันธ์กับคนในวงการนี้ในต่างประเทศบ้าง

สตาร์ตอัพลักษณะใดจะเป็นต้องการของตลาด

Paine คาดว่าน่าจะเป็นบริการประเภทวิดีโอลักษณะเดียวกับ SocialCam จะมาแรงเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนอันดับรองลงไปน่าจะเป็นบริการที่ผูกกับแอพพลิเคชันแชตอย่าง LINE ในไทย และ Zalo ในเวียดนาม โดยใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาบางท่านอาจเริ่มเห็นบริการที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับ LINE บ้างแล้ว

มุมมองต่อการลงทุนในภูมิภาคนี้

Golden Gate Ventures มีการลงทุนกระจายอยู่ในทุกประเทศ และกำลังสนใจการลงทุนในเมียนมาร์ จากการที่ชาวเมียนมาร์ที่มาเรียนในสิงคโปร์ มีศักยภาพที่มากพอเมื่อกลับไปก่อตั้งและพัฒนาสตาร์ทอัพ นอกจากนี้โครงสร้างพื้นฐานในเมียนมาร์ก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาแล้ว

เมื่อถามถึงการจัดอันดับการลงทุน Paine จัดอันดับการลงทุนในภูมิภาคนี้ 3 อันดับ ดังนี้ 1. อินโดนีเซีย 2. สิงคโปร์ 3. มาเลเซีย และประเทศไทย

DTAC, Investment, Startup, Thailand, Venture Capital
from Blognone https://www.blognone.com/node/72667
via IFTTT

Symantec ออกใบรับรอง Google.com แบบ EV โดยไม่ได้รับอนุญาต, ไล่พนักงานที่เกี่ยวข้องออกแล้ว

กูเกิลตรวจพบใบขอรับรอง (pre-certificate) แบบ Extended Validation (EV) สำหรับโดเมน google.com และ www.google.com ออกโดย Thawte ผู้ให้บริการ CA ของ Synmantec เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา โดยที่กูเกิลไม่ได้ร้องขอให้ออกใบรับรองนี้ อย่างไรก็ดีใบรับรองนี้มีอายุเพียงหนึ่งวันเท่านั้น

ทาง Symantec ระบุว่าใบรับรองเหล่านี้ออกมาเพื่อทดสอบสินค้าของบริษัทเป็นการภายใน ตอนนี้ตัวใบรับรองและกุญแจยังอยู่ในความควบคุมของบริษัทและไม่ได้หลุดออกไปภายนอก ทาง Symantec สอบสวนการออกใบรับรองเหล่านี้และพบว่าพนักงานบางคนไม่ทำตามกระบวนการที่ได้รับการฝึกมาก่อนแล้ว และตัดสินใจไล่พนักงานเหล่านั้นออกจากบริษัท

ทีมงานของกูเกิลพบใบขอรับรองนี้จากกระบวนการ Certificate Transparency ที่ CA จำนวนมากประกาศรับกระบวนการนี้แล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ที่มา - Google Online Security Blog, Symantec

Google, Security, Symantec
from Blognone https://www.blognone.com/node/72702
via IFTTT

ฟิลิปปินส์ประกาศแผน Wi-Fi แห่งชาติ ครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2016

ทางการฟิลิปปินส์ประกาศแผนขยายโครงข่าย Wi-Fi ฟรีครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายจะครอบคลุมทั่วประเทศก่อนสิ้นปี 2016 ด้วยงบลงทุน 1.5 พันล้านเปโซต่อปี (ประมาณ 1,150 ล้านบาท)

แนวทางของแผนขยายโครงข่าย Wi-Fi นี้ออกมาเพื่อกดดันผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้งสองเจ้าอย่าง Philippine Long Distance Telephone Co. และ Globe Telecom Inc ซึ่งคิดค่าบริการแพงกว่าราคาเฉลี่ยทั่วโลกถึงเกือบ 4 เท่าตัว พร้อมกับขยายไปยังจุดที่สัญญาณไปไม่ถึงอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม Wi-Fi ฟรีนี้จะจำกัดความเร็วไว้ที่ 256kbps ซึ้งดูแล้วอาจจะน้อย แต่ก็เพียงพอสำหรับใช้บริการพื้นฐานอินเทอร์เน็ตต่างๆ รวมถึง Facebook ด้วย ตามแผนระบุว่าจะครอบคลุมให้ได้ถึงครึ่งหนึ่งในปี 2015 ก่อนขยายทั่วประเทศในปี 2016

ที่มา - Bloomberg

Philippines, Wi-Fi, Government
from Blognone https://www.blognone.com/node/72701
via IFTTT

หลุดภาพ Lemon X สมาร์ทโฟนจาก Lenovo ตัวแรกที่คาดว่าออกแบบโดย Motorola

ใกล้เข้าไปทุกขณะสำหรับยุคใหม่ของ Motorola ที่จะเข้าไปแทนที่ Lenovo Mobile ตามแผนที่หัวหน้าฝ่ายสมาร์ทโฟนเคยประกาศไว้ หลังจากมีภาพหลุดของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Lemon X จาก Lenovo ที่ออกแบบมาได้คล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟนของ Motorola อย่างมาก

ภาพหลุดของ Lemon X ออกมาจาก @upleaks แสดงให้เห็นถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในงานออกแบบของ Lenovo อย่างชัดเจน ทั้งการใช้ขอบโลหะที่วางตำแหน่งเสาอากาศไว้ด้านบน-ล่างเหมือนกับซีรีส์ Moto X และ Nexus 6 รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟน Motorola มาได้พักใหญ่ทั้งตัวเครื่องทรงโค้ง ลำโพงคู่ด้านหน้า จะมีเพิ่มมาคือปุ่มด้านหลังที่น่าจะใช้สแกนลายนิ้วมือได้

การที่สมาร์ทโฟนจาก Lenovo หน้าตาเหมือนกับ Motorola มากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อลดความซ้ำซ้อน และทำให้ธุรกิจทำงานได้รวดเร็วขึ้น โดย Motorola จะเข้ามาดูแลธุรกิจอุปกรณ์พกพาแทนที่ Lenovo ในที่สุด

ที่มา - 9to5Google

Motorola, Lenovo, Cherry Mobile
from Blognone https://www.blognone.com/node/72700
via IFTTT

Apple Store สาขาสำนักงานใหญ่กลับมาเปิดอีกครั้ง ออกแบบใหม่ตามแนวทาง Jonathan Ive

Apple Company Store หรือ Apple Store Infinite Loop ร้านขายสินค้าแอปเปิลที่ตั้งอยู่ในเขตสำนักงานใหญ่ เปิดให้บริการอีกครั้งแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน หลังจากปิดปรับปรุงไปตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

การเปิดให้บริการอีกครั้งของ Apple Store Infinite Loop มาพร้อมกับการปรับสินค้าภายในร้านด้วย จากเดิมที่เคยขายแต่ของชำร่วยจำพวกแก้วน้ำ เสื้อ หมวก ฯลฯ ตอนนี้จะมีสินค้าหลักของแอปเปิลอย่าง iPhone, iPad, MacBook, Apple Watch หรือแม้แต่อุปกรณ์เสริมต่างๆ มาด้วย โดยจะมีเพียงสินค้าในเครือแอปเปิลเท่านั้นที่มาวางขาย โดยคนที่ไปต่อคิวร่วมงานเปิดตัวจะได้เสื้อลายพิเศษที่สกรีนว่า  Shirt มาให้ด้วย

นอกจากจะเริ่มวางขายสินค้าแอปเปิลแล้ว งานออกแบบภายใน Apple Store Infinite Loop ยังปรับไปใช้แบบใหม่ เหมือนกับที่เพิ่งใช้กับ Apple Store สาขาบรัสเซลส์ ที่ออกแบบโดย Jonathan Ive ด้วยการใช้ไม้มาเป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง ขาดแค่ต้นไม้ที่ไม่มีมาด้วย เนื่องจากไม่มี Genius Bar นั่นเอง

ใครที่อยากเทียบของเดิมว่าเป็นอย่างไร ดูได้จากพาทัวร์เมื่อช่วงต้นปีของ Blognone ครับ

ที่มา - MacRumors

มีทั้ง MacBook และของชำร่วย

ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้

 Shirt

Apple Store,
from Blognone https://www.blognone.com/node/72698
via IFTTT

หลุดภาพ Microsoft Band 2 โฉมใหม่ดูดีขึ้นเป็นกอง ปรับไปใช้หน้าจอโค้ง

ใกล้ถึงงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของไมโครซอฟท์ ก็เริ่มมีข้อมูลมาเรื่อยๆ ล่าสุดเว็บไซต์ข่าวไมโครซอฟท์ภาษาสเปนหลุดภาพของสายรัดข้อมือตัวใหม่ที่น่าจะเป็น Microsoft Band 2 มาแล้ว

เทียบกับ Microsoft Band รุ่นแรกที่เป็นสายรัดข้อมือยางสีดำทื่อๆ แล้ว Microsoft Band 2 เรียกได้ว่าออกแบบมาดูดีกว่าเดิมมาก เปลี่ยนไปใช้หน้าจอโค้ง เพิ่มขอบโลหะ และปุ่มโลหะด้านข้างเข้ามา ส่วนเซ็นเซอร์จะยังใช้เหมือนกับรุ่นแรก เพิ่มเติมความสามารถในการจ่ายเงินตามกระแส mobile payment เข้ามา รวมถึงรอบนี้ไมโครซอฟท์จะขยายประเทศวางขายให้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้นด้วย

คาดกันว่าจะเปิดตัววันที่ 6 ตุลาคมนี้ รายละเอียดคงต้องรอดูกันในงานครับ

ที่มา - The Verge

Microsoft Band, Microsoft, Wearable Computing
from Blognone https://www.blognone.com/node/72689
via IFTTT

BBC micro:bit เลื่อนไปปีหน้า

บอร์ดคอมพิวเตอร์จิ๋วเพื่อการศึกษา micro:bit ของ BBC มีกำหนดการแจกจ่ายหนึ่งล้านเครื่องภายในปีนี้ ตอนนี้ทางโครงการก็ออกมาประกาศเลื่อนแผนการออกไป เพราะพบปัญหาในส่วนจ่ายพลังงาน

กำหนดการณ์ตอนนี้ ครูจะเริ่มได้รับบอร์ดภายในปลายปีนี้ และนักเรียนจะได้รับบอร์ดหลังปีใหม่ โดยหลังจากเริ่มแจกจ่าย ทาง BBC เองก็จะมีรายการเกี่ยวกับบอร์ด micro:bit ทั้งช่องทางเว็บและทีวีเพื่อให้มีผลต่อการศึกษาให้มากที่สุด

ที่มา - About the BBC

upic.me

BBC, Education
from Blognone https://www.blognone.com/node/72687
via IFTTT

AVG อัพเดตนโยบายข้อมูลส่วนตัวใหม่ นำข้อมูลไปขายให้กับบริษัทภายนอกได้

AVG ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสรายใหญ่ของโลก ประกาศอัพเดตนโยบายการเก็บข้อมูลส่วนตัวฉบับใหม่ ให้สามารถนำข้อมูลจากผู้ใช้ไปขายให้กับบริการภายนอก เพื่อคงบริการให้ยังฟรีต่อไปได้

โดยขอบเขตการเก็บข้อมูลของ AVG ตามที่ประกาศมา จะเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนตัว แต่เป็นข้อมูลการท่องเว็บไซต์ ประวัติการค้นหาย้อนหลัง โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบรรดาไวรัส มัลแวร์ ฯลฯ ซึ่งจะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาให้ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด หรือปิดการเก็บข้อมูลนี้ได้ โดยไม่กระทบกับฟีเจอร์ใดๆ

AVG ระบุว่าตัวบริการแอนตี้ไวรัสจะยังคงฟรีต่อไป โดยอาศัยการเก็บข้อมูลดังกล่าว ร่วมกับโฆษณา และอาจมีระบบสมาชิก (subscription) เพิ่มเข้ามาในอนาคตก็ได้ โดยปัจจุบัน AVG เป็นผู้ให้บริการแอนตี้ไวรัสรายใหญ่อันดับสามของโลก กินส่วนแบ่งอยู่ที่ 8.4% อ้างอิงจากรายงานของ Opswat บริษัทเก็บข้อมูลผู้พัฒนาซอฟต์แวร์

ที่มา - WIRED

AVG, Antivirus
from Blognone https://www.blognone.com/node/72684
via IFTTT

Amazon ลดราคา Glacier เหลือ 0.7 ดอลลาร์ต่อ 100GB ต่อเดือน

อเมซอนเพิ่งเปิดตัว S3 Standard IA ที่ราคาถูกกว่า S3 แบบปกติ ตอนนี้ราคาของ Glacier สตอเรจราคาถูกที่สุดก็ปรับลดราคาลง 30% จากเดิม 1 ดอลลาร์ต่อ 100GB ต่อเดือน ตอนนี้เหลือ 0.7 ดอลลาร์

เทียบราคาตอนนี้อเมซอนมีสามระดับให้เลือก คือ S3 (3 ดอลลาร์ต่อ 100GB), S3 IA (1.25 ดอลลาร์ต่อ 100GB), และ Glacier (0.7 ดอลลาร์ต่อ 100GB) ส่วนกูเกิลมีแบบมาตรฐาน (2.6 ดอลลาร์ต่อ 100GB), Durable Reduced Availability (2 ดอลลาร์ต่อ 100GB), และ Nearline (1 ดอลลาร์ต่อ 100GB)

ที่มา - The Register

Amazon, Cloud Storage
from Blognone https://www.blognone.com/node/72683
via IFTTT

แนะนำบริการทันสมัยจากซีเอส ล็อกซอินโฟ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตมาตลอด คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของซีเอส ล็อกซอินโฟ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่รายแรกๆ ของประเทศไทยที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มานาน และขยับตัวตามเทคโนโลยีสมัยใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เคยให้บริการอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อผ่านสายโทรศัพท์ความเร็วเพียง 56k ได้พัฒนามาถึงความเร็วระดับกิกะบิต พร้อมทั้งขยายบริการไปให้ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่องมาตลอด 20 ปี

บริการหลักๆ ของซีเอส ล็อกซอินโฟ ที่เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมจะมีตั้งแต่การให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งกับลูกค้าตามบ้าน และลูกค้าธุรกิจ เป็นผู้ให้บริการโซลูชันไอทีต่างๆ ตั้งแต่การเป็นพื้นที่เก็บข้อมูล การติดต่อสื่อสาร ความปลอดภัย และเป็นผู้นำด้านการให้บริการศูนย์ข้อมูลรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งวันนี้เราจะมาอัพเดตความคืบหน้าของซีเอส ล็อกซอินโฟ ว่ามีบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่อย่างไรบ้าง

ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรด้วยเดอะ คลาวด์ ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่มาตรฐานสากล

ในยุคที่ธุรกิจแข่งขันกันอย่างหนักหน่วง อินเทอร์เน็ตได้เข้ามาเป็นส่วนกลางในการเชื่อมต่อกระบวนการทำงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งนอกจากจะล้ำสมัยแล้ว ยังต้องมีความปลอดภัยสูงเพื่อรับกับภัยพิบัติที่มาโดยไม่คาดคิดทั้งจากธรรมชาติ และเหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆ

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าองค์กร และรับกับกระแสแห่งอนาคตจากการมาของ Big Data (ที่เรียกกันเล่นๆ ว่า อภิมหาข้อมูลหลังยุคอินเทอร์เน็ต 2.0) ซีเอส ล็อกซอินโฟ จึงเดินหน้าโครงการสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในชื่อเดอะคลาวด์ (THE CLOUD) อาคารสี่ชั้นซึ่งออกแบบ และสร้างด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 ถึง 2.1 เมตร และยังห่างจากสถานที่สำคัญเสี่ยงต่อการชุมนุม มีระบบควบคุมการเข้าออก และกล้องวงจรปิด CCTV ทุกจุด ให้ความปลอดภัยมากยิ่งกว่าศูนย์ข้อมูลแห่งอื่น

สถานที่ตั้งปลอดภัยทั้งจากอุทกภัย และการชุมนุม

นอกจากจะปลอดภัยแล้ว ด้านการออกแบบ และเทคโนโลยีที่ใช้ในเดอะ คลาวด์ก็ยังไม่น้อยหน้าใคร มีระบบระบายความร้อน ปรับอากาศ และผนังสองชั้นช่วยลดความร้อนสู่ตัวอาคาร ระบบสำรองไฟอัตโนมัติ N+1 และเชื่อมต่อด้วยไยแก้วนำแสงไปยังอาคารไซเบอร์เวิลด์ และอาคาร กสท. โทรคมนาคม บางรัก

ตัวอย่างแผนผังเดอะ คลาวด์ โชว์ระบบจัดการอุณหภูมิ จ่ายไฟ และทีมงานดูแล 24 ชั่วโมง

ตัวศูนย์ข้อมูลเดอะ คลาวด์ นอกจากจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับวางเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 650 ตู้แล้ว ยังสามารถให้บริการสำนักงานฉุกเฉินสำรองในกรณีฉุกเฉิน หรือเป็นพื้นที่ให้ลูกค้ามาเช่าประชุมได้อีกด้วย รวมถึงในชั้นบทสุดของอาคารเดอะ คลาวด์ จะมีพื้นที่พิเศษสำหรับให้ปรับแต่ง-จัดวางอุปกรณ์ได้ตามความต้องการของลูกค้าเช่นกัน

พาทัวร์ศูนย์ข้อมูลเดอะคลาวด์

ตอบโจทย์ทุกธุรกิจด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการเครือข่าย

หลายคนที่รู้จักซีเอส ล็อกซอินโฟจากการเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และจนถึงตอนนี้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในรูปแบบต่างๆ ก็ยังเป็นจุดเด่นของซีเอส ล็อกซอินโฟ ไม่เสื่อมคลาย และยังขยายไปครอบคลุมการใช้งานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ Leased Line สำหรับภาคธุรกิจของซีเอส ล็อกซอินโฟ ลูกค้าจะได้ความเร็วสูงจริงตามที่ต้องการ ไม่แบ่งไม่แชร์กับใคร อีกทั้งยังสะดวกยิ่งกว่าด้วยการเฝ้าระวังจากทีมงานเทคนิค พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

อินเทอร์เน็ตสำหรับองค์กร เต็มความเร็วไม่แชร์กับใคร

นอกจาเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแล้วซีเอส ล็อกซอินโฟ ยังมีบริการด้านเครือข่ายที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าทั้งการเลือกฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ ระบบการรักษาความปลอดภัย และยังสามารถติดตั้งระบบอื่นๆ เช่นการประชุมผ่านวิดีโอ (Video Conference) ระบบกล้องวงจรปิด CCTV เรียกได้ว่าเป็นผู้ให้บริการไอทีแบบ One Stop Service ก็ว่าได้

ติดตั้งทุกบริการด้านเครือข่าย จบในแห่งเดียว

ตอบโจทย์ลูกค้าในคอนโดมิเนียม ด้วย NET X อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ราคาประทับใจ

สำหรับคนเมืองที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ หลายคนประสบปัญหากับบริการอินเทอร์เน็ตที่ไม่เร็วทันใจ บางครั้งก็แพงเกินรับไหว ซีเอส ล็อกซอินโฟเห็นโอกาสตรงจุดนี้จึงเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการขยายบริการอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ให้ดียิ่งขึ้น เร็วยิ่งขึ้น ในชื่อ NET X บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงราคาเริ่มต้นเพียง 450 บาท

ในราคา 450 บาทที่จ่ายไป ทางซีเอส ล็อกซอินโฟจะให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วเริ่มต้นสูงถึง 18Mbps พร้อมการติดตั้ง และเราท์เตอร์ไร้สายมาให้ในชุด ที่วิ่งผ่านโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกของตัวเองที่ตอนนี้เริ่มให้บริการเฉพาะคอนโดฯ ตามแนวเส้นรถไฟฟ้าแถบสุขุมวิท เพชรบุรี และรัชดาภิเษก มากกว่า 50 แห่งเข้าไปแล้ว ในอนาคตมีแผนจะปรับปรุงบริการ และปรับราคาให้เหมาะสมต่อไป รวมถึงขยายบริการออกไปตามเส้นรถไฟฟ้ามากขึ้นอีกด้วย

ราคาแพ็คเกจของ NET X

การกลับมาเน้นตลาดผู้ใช้ทั่วไปอีกครั้งด้วย NET X ผู้บริหารของซีเอส ล็อกซอินโฟ เชื่อว่าผู้บริโภคจะไว้ใจในบริการของบริษัท จากผลงานที่มีองค์กรขนาดใหญ่ถึง 1 ใน 3 เลือกใช้งานโครงข่ายของซีเอส ล็อกซอินโฟ ในปัจจุบัน

ทิศทาง และอนาคตของซีเอส ล็อกซอินโฟ ที่จะมุ่งต่อไป

จากความเปลี่ยนแปลงของกระแสการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มากขึ้น ทำให้บางบริการของซีเอส ล็อกซอินโฟด้อยความนิยมลง ในขณะเดียวกันส่วนของธุรกิจไอซีทียังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายธุรกิจที่ทำรายได้มากกว่าเดิม โดยในปี 2558 ทางซีเอส ล็อกซอินโฟตั้งเป้าขยายการให้บริการในกลุ่มศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต เสริมด้วยบริการโซลูชันไอทีครบวงจร และการประมวลผลผ่านคลาวด์
ส่วนธุรกิจหลักที่ยังเป็นแกนหลักในการทำตลาดอย่างการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Leased Line ก็จะเน้นทำตลาดต่อไป โดยเจาะกลุ่มตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของธุรกิจไอซีทีที่มีการใช้งานโซลูชันผ่านคลาวด์ รวมถึงขยายการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง NET X ที่ได้การตอบรับค่อนข้างดีตั้งแต่ที่เริ่มทดลองให้บริการมาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558

ด้านการให้บริการเสริมบนโทรศัพท์ที่ชะลอตัวลงจากพฤติกรรมใช้งานที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ทางซีเอส ล็อกซอินโฟวางแผนจะคัดสรรบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น และเริ่มปรับรูปแบบการให้บริการไปเป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน และกลุ่มลูกค้าองค์กร

ตอนหน้าเราจะมาทำความรู้จักกับธุรกิจเพื่ออนาคตของซีเอส ล็อกซอินโฟ ที่กำลังจะเข้าไปเป็นผู้เล่นในตลาดคลาวด์ว่ามีทิศทาง และรูปแบบในการทำตลาดอย่างไรบ้าง

Advertorial, CS Loxinfo, Enterprise, Internet, Data Center,
from Blognone https://www.blognone.com/node/72679
via IFTTT

แอปเปิลสั่งถอดแอพที่โดนฝัง XcodeGhost ตอนคอมไพล์ออกจาก App Store แล้ว

จากข่าว พบมัลแวร์ iOS จู่โจมนักพัฒนาผ่าน Xcode เวอร์ชันปนเปื้อน แล้วฝังมัลแวร์ตอนคอมไพล์ ความคืบหน้าล่าสุดคือแอปเปิลสั่งถอดแอพที่มีปัญหาเหล่านี้จาก App Store แล้ว และคุยกับนักพัฒนาแอพเหล่านี้ให้คอมไพล์แอพใหม่ด้วย Xcode เวอร์ชันที่ถูกต้อง

บริษัทความปลอดภัย Qihoo360 ของจีน ระบุว่ามีแอพที่โดน XcodeGhost มากถึง 344 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้มีแอพดังคือ WeChat, แอพแท็กซี่ Didi Kuaidi, แอพฟังเพลง NetEase ด้วย

ที่มา - Reuters

Xcode, App Store, Apple, Security
from Blognone https://www.blognone.com/node/72666
via IFTTT

ผู้ให้บริการทีวีเคเบิลท้องถิ่นเผย กฎเรียงช่อง 1-36 กระทบต่อการบริหารกิจการ, อาจยื่นฟ้องเพื่อเพิกถอน

จากประกาศบังคับให้ทีวีเคเบิลและดาวเทียมทำการเรียงช่องใหม่ทั้งหมด และยกช่องทีวีดิจิทัลขึ้นมาเป็นช่อง 1-36 เหมือนกันทุกระบบ ล่าสุดเริ่มมีเสียงตอบรับจากฝั่งผู้ให้บริการท้องถิ่นว่ากฎข้างต้นนี้ไม่เป็นธรรมอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อการให้บริการธุรกิจอย่างรุนแรง

นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญยิ่ง (8888) จำกัด ผู้บริหาร "เจริญ เคเบิลทีวี" เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจว่าจากข้อกำหนดใหม่นี้ จะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันเคเบิลทีวีท้องถิ่นใช้ระบบแอนาล็อกในการให้บริการเคเบิลทีวีของตน และระบบนี้เองก็มีข้อจำกัดในการส่งช่องรายการอยู่เช่นกัน ถ้าหากว่าต้องจัดเรียงช่องทีวีดิจิทัล 24+4 ช่องให้ตรงกัน จะทำให้ผู้ให้บริการเสียโอกาสในการให้บริการคอนเทนต์พิเศษที่ซื้อสิทธิ์การออกอากาศมาออกอากาศต่อในทันที รวมถึงยังสร้างความเสียหายในเชิงธุรกิจ และอาจทำให้ธุรกิจล้มไปในที่สุด

อย่างไรเสีย นายวิชิต กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางฝั่งผู้ให้บริการเคเบิลทีวีรายย่อยจะนัดประชุมกันเพื่อพิจารณาว่าจะรับข้อกำหนดข้างต้นนี้หรือไม่ หรือจะเดินหน้าฟ้อง กสทช. ต่อศาล เพื่อขอให้เพิกถอนข้อกำหนดนี้ออกไปเสียครับ

ที่มา - หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

NBTC, Digital TV, Broadcast, Thailand, Cable TV
from Blognone https://www.blognone.com/node/72665
via IFTTT

ไมโครซอฟท์โชว์ Dynamics AX7 เวอร์ชันใหม่ของซอฟต์แวร์ ERP รุ่นใหญ่

ซอฟต์แวร์ในชุด Microsoft Dynamics มีทั้งฝั่ง CRM (Dynamics CRM 2016) และฝั่ง ERP ซึ่งแยกย่อยเป็นผลิตภัณฑ์หลายตัวตามขนาดและภูมิภาคขององค์กร วิธีการเรียกรุ่นของไมโครซอฟท์คือเพิ่มตัวย่อห้อยท้าย เช่น Dynamics AX จับตลาดองค์กรขนาดใหญ่, Dynamics NAV สำหรับองค์กรขนาดกลาง และ Dynamics GP สำหรับองค์กรขนาดเล็ก เป็นต้น (ที่มาของตัวย่อมาจากชื่อเดิมของซอฟต์แวร์แต่ละตัว)

ในงานแถลงข่าวเรื่อง Microsoft Dynamics ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ก็นำตัวท็อป Dynamics AX รุ่นใหม่ล่าสุด AX7 มาโชว์บ้างเล็กน้อย ก่อนเปิดตัวจริงในเดือนธันวาคม

ax7

ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ที่มานำเสนอคือคุณ Christian Pedersen ผู้บริหารตำแหน่ง General Manager, Microsoft Dynamics Worldwide เรียกว่าบอสใหญ่มาเองเลยทีเดียว

Microsoft Dynamics Singapore

ฟีเจอร์ใหม่ของ Dynamics AX7 คือ "หน้าตาสวย" ครับ สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจรู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไรใหม่ แต่คุณ Pedersen บอกว่าในโลกของ ERP เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะซอฟต์แวร์ ERP แต่ละตัวในวงการนั้นหน้าตาโบราณๆ กันทั้งนั้น (เลยเป็นเหตุให้พนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ไม่อยากใช้ ERP ทำงานสักเท่าไร บางคนถึงขั้นไม่ยอมเปิดโปรแกรมเลย) นอกจากหน้าตาสวยแล้วยังทำงานบนอุปกรณ์พกพาได้ด้วย

ax7-2

ฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างคือเพิ่มระบบวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาในตัว ช่วงหลังไมโครซอฟท์ลงทุนกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลเยอะมาก ตัวอย่างคือ Power BI ที่ทำงานร่วมกับ Excel ได้ดี พอไมโครซอฟท์มีประสบการณ์เรื่องนี้มากขึ้นทำให้นำระบบลักษณะเดียวกันมาใส่ใน Dynamics ด้วย

ax7-3

ฟีเจอร์อย่างอื่นของ Dynamics AX7 ก็เน้นไปที่งานยุคใหม่ เช่น การประมวลผลข้อมูลในหน่วยความจำ (in-memory), การใช้ machine learning ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล, รองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลแบบ big data และการเชื่อมต่อกับ IoT

ax7-4

ตัวอย่างลูกค้าที่นำ Dynamics ERP ไปใช้งานแล้วประสบความสำเร็จคือทีมรถแข่ง Lotus F1ซึ่งเดี๋ยวจะเขียนแยกเป็นอีกโพสต์หนึ่งครับ

Microsoft Dynamics, ERP, Enterprise, Microsoft
from Blognone https://www.blognone.com/node/72663
via IFTTT

ไมโครซอฟท์เปิดตัว Microsoft Dynamics CRM 2016

ผมได้รับคำเชิญจากไมโครซอฟท์เอเชีย ไปร่วมงานเปิดตัว Microsoft Dynamics CRM 2016 ที่ประเทศสิงคโปร์ เลยเก็บข้อมูลมาฝากกันครับ

อย่างแรกเลยต้องเริ่มจากการอธิบาย Dynamics ซึ่งน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ตัวที่คนรู้จักค่อนข้างน้อย (เมื่อเทียบกับพวก Windows/Office) แบรนด์ Dynamics เป็นชื่อซอฟต์แวร์ฝั่งองค์กรของไมโครซอฟท์ที่ทำมานานพอสมควร โดยแยกออกเป็น 2 สายใหญ่ๆ คือ CRM (customer relationship management) และ ERP (enterprise resource planning)

ฝั่งของ CRM ไมโครซอฟท์ตั้งชื่อตรงไปตรงมาว่า Dynamics CRM ส่วนฝั่ง ERP จะซับซ้อนกว่าหน่อยเพราะแยกเป็นหลายรุ่นย่อยตามขนาดองค์กร สำหรับโพสต์นี้จะเป็นเรื่องของ CRM ก่อน ส่วน ERP จะแยกเป็นอีกโพสต์หนึ่งครับ

Microsoft Dynamics CRM 2016

Microsoft Dynamics ถือเป็นแอพตัวหนึ่งสำหรับลูกค้าองค์กร เช่นเดียวกับ Office 365, SharePoint, Yammer, Skype/Lync โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของ Dynamics CRM เดิมคืองานด้านการขายและการตลาด แต่ภายหลังขอบเขตของ CRM ก็กว้างขึ้น จนรวมถึงส่วนงานบริการลูกค้าเข้ามาด้วย

Microsoft Dynamics CRM 2016

เริ่มต้นมาก็เจอกับคนที่คุ้นเคย เพราะคุณ Haresh Khoobchandani อดีตผู้จัดการไมโครซอฟท์ประเทศไทย หลังพ้นวาระที่เมืองไทยแล้วก็ย้ายมาเป็น General Manager ของ Microsoft Dynamics ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (คุณ Haresh ฝากสวัสดีคนไทยทุกคนมาด้วยครับ)

Microsoft Dynamics Singapore

คุณ Haresh เล่าว่าปัญหาสำคัญของธุรกิจในปัจจุบันคือพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปมาก เดิมทีลูกค้ามีช่องทางติดต่อกับองค์กร (touchpoint) ค่อนข้างจำกัด (เช่น ต้องซื้อของจากหน้าร้านเท่านั้น) ทำให้ฝั่งธุรกิจสามารถประเมินกระบวนการซื้อของลูกค้าได้ไม่ยากนัก

แต่ยุคนี้ ประสบการณ์ของลูกค้าไม่ได้เป็นเส้นตรง (linear) อีกต่อไป ลูกค้าสามารถอ่านรีวิวออนไลน์ ทดลองใช้สินค้าตัวอย่าง สอบถามข้อมูลจากองค์กร ตัดสินใจซื้อ ขั้นตอนพวกนี้สามารถกระโดดไปมา สลับไปมาได้หมด ในแง่การจัดการลูกค้าขององค์กรจึงยุ่งยากขึ้นมาก

Microsoft Dynamics Singapore

เรามักเจอปัญหาโทรไปคอลล์เซ็นเตอร์แล้วตอบคำถามเราไม่ค่อยได้ สาเหตุจริงๆ มาจากว่าคอลล์เซ็นเตอร์ไม่มีข้อมูลของผลิตภัณฑ์ตัวเองที่ดีพอจนตอบคำถามได้ ซึ่งเป็นโจทย์ของผู้สร้าง CRM ที่ต้องมาแก้ปัญหานี้ให้ได้

Microsoft Dynamics Singapore

ฝั่งของแอพ CRM ในอดีตก็เป็นแอพขนาดใหญ่ ใช้งานยาก ต้องเรียนรู้เยอะ หน้าตาโบราณ ซึ่งถือเป็นโจทย์อีกข้อที่ไมโครซอฟท์ต้องยกเครื่อง CRM ให้ทันสมัย ใช้ง่าย ทำงานรวดเร็ว ตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มเซลส์หรือการตลาดยุคใหม่ด้วย

Dynamics CRM 2016 จึงมีฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ข้างต้น ดังนี้

Mobile

CRM ยุคใหม่ต้องทำงานได้บนอุปกรณ์พกพาที่ติดตัวเซลส์ไปทุกแห่ง เซลส์สามารถเริ่มงานตอนเช้าโดยเปิด Dynamics ขึ้นมาจะพบหน้าจอ dashboard (หน้าตา Metro/Modern) ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง สถานะการขาย-เจรจาเป็นอย่างไร ข้อมูลของลูกค้าที่จะต้องไปคุยในวันนี้มีอะไรบ้าง เพื่อนร่วมงานของเราเคยคุยกับลูกค้าคนนี้ไว้อย่างไร ฯลฯ ถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น

แอพพวกนี้สามารถทำงานแบบออฟไลน์ได้ด้วย และทำงานได้บนอุปกรณ์พกพาบนทุกแพลตฟอร์ม (iOS/Android/Windows Phone)

Microsoft Dynamics SingaporeMicrosoft Dynamics SingaporeMicrosoft Dynamics SingaporeMicrosoft Dynamics Singapore

เชื่อมต่อ Outlook

ปัญหาอย่างหนึ่งของแอพ CRM คือคนมักไม่ค่อยเปิดใช้งาน ในแวดวงสำนักงานแล้ว แอพแรกที่คนเปิดตอนมาทำงานคือ Outlook เพื่ออ่านอีเมลก่อน ทำให้ไมโครซอฟท์ใช้วิธีเชื่อมข้อมูลจาก CRM เข้าไปยัง Outlook ให้อ่านข้อมูลกันง่ายๆ

เมื่อเราเปิดอีเมลจากลูกค้าใน Outlook ขึ้นมา ตัว Dynamics จะอ่านข้อมูลในอีเมลนั้นว่าลูกค้าต้องการอะไรบ้าง แล้วไปดึงข้อมูลของลูกค้ามาแทรกในอีเมลให้เราอัตโนมัติ (เป็น pane พิเศษที่ย่อขยายได้) เราสามารถกดดูข้อมูลของลูกค้า ว่ามีการติดต่อครั้งล่าสุดเมื่อไร เรื่องอะไร มีหมายเลขเคสหรือคำสั่งซื้ออะไร เพื่อที่จะตอบเมลของลูกค้าได้โดยไม่ต้องออกจาก Outlook เลย

Microsoft Dynamics Singapore

คุณ Haresh บอกว่าเราจะได้เห็นการใช้เทคโนโลยี machine learning เข้ามาใช้กับ CRM มากขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคต CRM จะสามารถอ่านข้อมูลสต๊อกสินค้าแล้วแนะนำว่าเราควรขายอะไรได้ด้วย เรียกว่านั่งอยู่เฉยๆ ก็พอ ไม่ต้องคิดว่าจะขายอะไรด้วยซ้ำ เพราะ CRM คิดแทนให้เราหมด

ฟังเสียงลูกค้าจาก Social

ฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับ CRM ยุคนี้ที่จะอ่านข้อมูลจาก social network มาดูว่าลูกค้าพูดถึงเราอย่างไร พูดถึงคู่แข่งอย่างไร สภาพตลาดเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังสามารถวิเคราะห์โทน (sentiment) ของข้อความได้ด้วยว่าลูกค้ารู้สึกบวกหรือลบต่อแบรนด์ของเรา

Microsoft Dynamics Singapore

เชื่อมต่อกับแอพของไมโครซอฟท์

Dynamics ออกแบบให้ทำงานกับแอพของไมโครซอฟท์ได้ดี ตัวมาตรฐานคือทำงานร่วมกับ Office 365 แต่ช่วงหลังเราจะเห็นไมโครซอฟท์เริ่มขยายสายผลิตภัณฑ์มายัง social network ภายในองค์กรมากขึ้น ทั้ง Yammer, Office Graph และ Delve ซึ่งข้อมูลพวกนี้เหมาะมากสำหรับ Dynamics ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ต่างๆ มาให้เราดูกัน

Microsoft Dynamics Singapore

UI ที่ใช้ง่ายขึ้น

ตัว Dynamics ถูกปรับปรุง UI ใหม่ให้ติดตามกระบวนการขาย (sales process) ได้ง่ายขึ้น ดูได้จากแถบ timeline ด้านบนว่าตอนนี้ลูกค้ารายนี้อยู่ในขั้นตอนใดบ้างแล้ว และสามารถดึงข้อมูลทั้งหมดมาแสดงให้ดูได้ว่า เราเคยคุยกับใครไว้ คุยเรื่องอะไร ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างทีมเซลส์หลายคนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Microsoft Dynamics Singapore

รายการฟีเจอร์ทั้งหมดของ Dynamics CRM 2016

Microsoft Dynamics CRM 2016

Dynamics CRM ยังคงแนวทางการใช้งานเหมือนกับซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ตัวอื่นๆ ในปัจจุบัน นั่นคือจะเลือกใช้เวอร์ชันคลาวด์ (Dynamics CRM Online) หรือเวอร์ชันติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร (on premise) ก็ตามสะดวกเพราะฟีเจอร์ทุกอย่างเท่ากันหมด

สำหรับเวอร์ชันคลาวด์ ตอนนี้เปิดบริการใน 131 ประเทศ และมีศูนย์ข้อมูล (data center) จำนวน 8 แห่งทั่วโลก ตอนนี้ไมโครซอฟท์มีลูกค้าแล้ว 350,000 องค์กร ทราบมาว่าเมืองไทยก็มีใช้กันเยอะพอสมควร ถ้ามีโอกาสจะไปขอสัมภาษณ์มาให้อ่านกันครับ

Microsoft Dynamics Singapore

ที่มา - Microsoft

Microsoft Dynamics, Microsoft, Enterprise, CRM
from Blognone https://www.blognone.com/node/72662
via IFTTT