โปรแกรมการแข่งขันของ ทีมชาติไทย ในรอบ 12 ทีมสุดท้าย WCQ เราได้มาอยู่กลุ่ม B บอกเลยว่าหินมาก แต่ก็บอลลูกกลมๆอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ขอแค่แฟนบอลเต็มราชมังคลา ก็เป็นนรกของทีมเยือนได้อย่างสบาย
ที่มา Tag hr
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 31 มี.ค. ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ พุดแก้ว รอยเวร สภ.ปาดังเบซาร์ รับแจ้งว่าพบศพชายวัยรุ่นเสียชีวิตอยู่ในป่าผาดำ ใกล้สะพานหมู่ 11 บ้านบาโรย ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จึงรายงาน พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทร์ ผกก.สภ.ปาดังเบซาร์ ทราบ และรุดไปที่เกิดเหตุพบศพนายนต์ทัช รัตนมณี อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่173/10 ม.7 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิตลักษณะนอนคว่ำ มีหมวกแก็ปสีดำตกอยู่ข้างตัว สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดและชนิดที่ท้ายทอย 1 นัด สะโพก 1 นัด และแขน 1 นัด
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายมนต์ทัชเดินทางมากับเพื่อนชื่อ นายดำ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาว อ.โคกโพธิ์ ทั้ง 2 ขี่รถจักรยานยนต์มาหาหญิงสาวคนหนึ่งตามนัดหมายที่บ้านบาโรย ใกล้สวนป่าสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อมาปรับความเข้าใจเรื่องปัญหาหัวใจ เนื่องจากฝ่ายหญิงมีแฟนใหม่เป็นคนในพื้นที่ จากนั้นหญิงสาวและแฟนใหม่ลวงทั้ง 2 คน ไปในจุดที่เกิดเหตุ แล้วใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจ่อยิงผู้ตาย 3 นัด ส่วนนายดำนั้นวิ่งหนี แต่คนร้ายไล่ตามแล้วใช้อาวุธยิงใส่ 1 นัด ได้รับบาดเจ็บวิ่งไปขอความช่วยเหลือชาวบ้าน นำส่งรพ.ปาดังเบซาร์
จากการสอบปากคำ นายดำยังให้การสับสน เพราะมีอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาดูแล เนื่องจากกลัวคนร้ายจะฆ่าปิดปาก เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนและหาตัวคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
วันที่ 31 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.มนตรี คงสง ร้อยเวร สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง รับแจ้งเหตุจากนางบี (นามสมมติ) อายุ 62 ปี อยู่ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเดินทางมาพร้อมพี่สาว หลังถูกลูกชายแท้ๆ คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี อยู่บ้านเดียวกัน ลากตัวเข้าไปข่มขืนภายในบ้านจนสำเร็จความใคร่ พร้อมขู่ฆ่า หากนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งตำรวจหรือบอกใคร
โดยนางบี ผู้เป็นแม่เล่าอย่างคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับตน โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 30 มี.ค. โดยลูกชายของตน ได้ออกไปกินเหล้านอกบ้านแล้วกลับเข้ามาที่บ้าน ตอนประมาณตี 4 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องลุกขึ้นเปิดร้านเพื่อขายของชำให้กับคนกรีดยางเป็นประจำทุกวัน ขณะนั้นได้มีลูกค้า 2 คนมาซื้อน้ำมันรถแล้วกลับไป จากนั้นก็เดินมาเห็นร่องรอยของการงัดประตูบ้าน และเห็นลูกชายยืนอยู่ พร้อมกับพูดว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนทำ ซึ่งก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรไป
จากนั้นลูกชายก็ได้ฉุดกระชากตนเองเข้าไปในห้องนอนเพื่อจะข่มขืน พร้อมกับขู่ฆ่า หากร้องโวยวายเสียงดัง ซึ่งที่บ้านมีอาวุธปืน และมีดพร้า ซึ่งขณะนั้นตนเองกลัวลูกชายจะฆ่า จึงได้ส่งเสียงร้องดังลั่น พร้อมยกมือไหว้ลูกชายร้องขอชีวิต แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะที่บ้านอาศัยอยู่กันเพียง 2 คน กระทั่งจำใจยอมให้ลูกชายขืนใจจนสำเร็จความใคร่ ไป 1 ครั้ง ขอเพียงแต่ไว้ชีวิตแม่
จากนั้นก็ได้ทำใจดีสู้เสือ เพื่อขอร้องให้ลูกชายอาบน้ำแล้วไปกรีดยางด้วยกัน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้อง ทำเหตุการณ์ทุกอย่างให้เป็นปกติที่สุด แต่ลูกชายก็ยังไม่สำนึก พร้อมกับถามแม่กลับไปว่า จะให้ได้อีกเมื่อไหร่ ซึ่งตนเองก็ตอบกลับไปว่า เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะไม่มีใครเห็น อยู่กันเพียง 2 คน เพื่อให้ลูกชายใจอ่อนลง และยอมไปกรีดยาง
ผู้เป็นแม่ ยังกล่าวต่ออีกว่า ลูกชายมักมีอาการแบบนี้ เมื่อดื่มเหล้าเข้าไป ซึ่งก่อนหน้านี้เคยจับได้ว่า เคยแอบดูตนเองอาบน้ำมาแล้ว 1 ครั้ง และเคยมีภรรยา มาแล้ว 2 คน แต่ก็เลิกรากันไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ลงพื้นที่ เพื่อติดตามตัวลูกชายมาลงโทษ แต่ลูกชายได้หนีออกไปจากบ้าน หลังเกิดเหตุ พร้อมนำปืนที่มีติดตัวไปด้วย โดยผู้เป็นแม่หวั่นไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 30 มี.ค. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า ร.ต.ท.ทัศพล ชูบัว รองสารวัตรพนักงานสอบสวน สภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ รับแจ้งมีเหตุชายหนุ่มผูกคอตายที่ต้นไม้ กลางทุ่งนา ทิศเหนือ หมู่บ้านรันเดง หมู่ 3 ต.โคกสะอาด หลังรับแจ้งพร้อม ด.ต.ประนวย จรัสใส ผบ.หมู่ สภ.ปราสาท หน่วยกู้ภัยกู้ชีพ อบต.โคกสะอาด แพทย์โรงพยาบาลปราสาท นายเรืองศักดิ์ ใจเพียร ผู้ใหญ่บ้านรันเดง ร่วมตรวจสอบ
พบชาวบ้านรุมล้อม ยืนดูศพที่แขวนอยู่ใต้ต้นตะคร้อ ทราบชื่อ คือ นายปภพ อายุ 18 ปี โดยใช้เชือกไนล่อนมัดกิ่งไม้ รัดคอทิ้งร่างห้อยลงมา เป็นภาพสุดสลด ทั้งนี้พบโทรศัพท์อยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อตัดเชือก นำร่างลงมาชันสูตรพลิกศพ ไม่พบบาดแผล ร่องรอยอื่นใด สภาพศพเริ่มตัวแข็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 ชั่วโมง สันนิษฐานเกิดจากปัญหาในครอบครัว ทำให้คิดสั้นผูกคอตายเอง
โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ครอบครัว พ่อแม่ผู้ตายหย่าร้างกัน นายปภพ อยู่กับพ่อ มีพี่น้อง ชาย-หญิง 2 คน ก่อนเกิดเหตุ เวลา 23.11 น. ที่ผ่านมา นายปภพ ได้ส่งข้อความถึงน้องสาวที่ กรุงเทพฯ ว่า “พี่ขอลาพ่อแม่ ตา ยาย ป้า พี่น้อง ผมขอไปตายที่นาของผม ขอให้ น้องพี่ มีความสุข ดูพ่อแม่ ด้วยครับ”
จากนั้นเวลา 00.45 น. ได้ปิดเครื่อง ขาดการติดต่อ กระทั่ง ชาวบ้านต้อนวัวควายไปผูกที่ท้องนา ก็ถึงกับตกใจ เมื่อพบศพ นายปภพ ผูกคอตายดังกล่าว
จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นฆ่าโหดนายภาสกร คงสวัสดิ์ อายุ 18 ปี ชาวจ.พัทลุง แล้วนำไปฝังบนเขาบรรทัด จากนั้นข่มขืนทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี แฟนของนายภาสกรณ์ ก่อนที่จะนำโยนทิ้งลงไปในเหวเขาพับผ้า ริมถนนสายเพชรเกษม พัทลุง-ตรัง ท้องที่ต.กะช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง โดยเหตุเกิดที่บริเวณป่าริมเทือกเขาบรรทัด ม.4 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่สภ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง นางแดง (นามสมมุติ) บ้านอยู่ที่ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง มารดาเยาวชนหญิงอายุ 15 ปี ที่ถูกออกหมายจับพัวพันคดีฆ่านายภาสกร คงสวัสดิ์ อายุ 18 ปี ชาวจ.พัทลุง แล้วฝังศพก่อนจะข่มขืนแฟนสาว นำตัวลูกสาวเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.วิชัย วิชยานฤพล ผกก.สภ.ศรีนครินทร์ หลังถูกออกหมายจับในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้สูญเสียอิสระภาพ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีนครินทร์ สามารถจับกุมผู้ต้องไปได้แล้วจำนวน 6 คน
พ.ต.อ.วิชัย กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องออกหมายจับเยาวชนหญิงอายุ 15 ปี เนื่องจากเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบมือถือของเยาวชนคนดังกล่าว พบว่ามีข้อความนัดแนะให้นายภาสกรผู้เสียชีวิตมาเจอกันที่บริเวณหน้าวัดลำกะ ก่อนเกิดเหตุฆ่าแล้วฝัง สำหรับในคดีดังกล่าวตัวเยาวชนหญิงเป็นคนสุดท้ายที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับได้
อย่างไรก็ตาม ในขั้นต้นเยาวชนหญิง วัย 15 ปี ให้การว่า ตนไม่รู้เรื่องว่านายคิวจะก่อเหตุดังกล่าว ส่วนโทรศัพท์ของตนนั้นนายคิว ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้เป็นคนนำไปใช้ เพื่อนัดแนะให้นายภาสกรออกมาพบ เนื่องจากตนเคยเป็นแฟนเก่าของนายภาสกร เมื่อนายคิวใช้โทรศัพท์ของตน ทำให้นายภาสกรหลงเชื่อ และออกมาพบจนเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งตนไม่มีส่วนรู้เห็นเลย ปกตินายคิวก็ใช้มือถือตนเล่นอินเตอร์เน็ตและโทรอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับในส่วนของการดำเนินคดีกับเยาวชนหญิง อายุ 15 ปี คนดังกล่าว หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวน ต่อหน้านักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ ที่ปรึกษากฎหมายและพนักงานอัยการ เพื่อเร่งสรุปสำนวนส่งอัยการ เพื่อฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพัทลุงต่อไป
Iron man ซุปเปอร์ฮีโร่สุดยียวนที่เป็นหนึ่งในสมาชิกหลักผู้ก่อตั้งอเวนเจอร์หรือที่คนรู้จักเขาในนามของ โทนี่ สตาร์ค มหาเศรษฐีเพลย์บอยแห่ง Stark Industries แต่คุณผู้อ่านทราบกันหรือไม่ว่านอกจากเราจะได้เห็นชุดเกราะเขาในแบบฉบับภาพยนตร์แล้ว โทนี่ สตาร์คยังมีชุดเกราะในแบบอื่นๆ ที่คุณไม่เคยเห็นอยู่อีกวันนี้ Rabbit Dailly ได้รวบรวมชุดเกราะสุดเจ๋งของเขามาให้คุณรู้จักกันมากขึ้น
ชุดเกราะตัวนี้เป็นชุดเกราะที่ โทนี่ สตาร์ค พัฒนาขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้จัดการกับ Magneto ในเหตุการณ์ Avengers VS X- Men ซึ่งจุดเด่นของชุดเกราะตัวนี้ก็คือมันเป็นเกราะที่ถูกผลิตออกมาด้วย Nano Magnotube เพื่อต่อต้านแรงดึงดูดของ Magneto เอาไว้ใช้จัดการกับผู้อื่น จึงมีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับจ้าวมิวแทนต์ผู้ควบคุมพลังแม่เหล็กได้
ชุดเกราะที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้รับมือกับ Thor เทพเจ้าสายฟ้า ชุดเกราะชุดนี้ใช้แหล่งพลังงานจากอัญมณีของแอสการ์ดที่ธอร์มอบให้กับชาวโลกเพื่อผลิตพลังงานบริสุทธิ์มาไว้ใช้งานเป็นแหล่งสำรองให้กับมนุษย์ในช่วงเหตุการณ์ที่แอสการ์ดตกลงมายังโลก ในช่วงหนึ่งความสัมพันธ์ระหว่างแอสการ์ดและโลกลดลงทำให้ธอร์เลือกที่จะหันหลังให้กับโลกเพื่อที่จะปกป้องแอสการ์ด โทนี่ สตาร์คจึงต้องสวมชุดเกราะนี้เพื่อเข้าต่อสู้กับธอร์ ผลของการต่อสู้ก็คือ…ธอร์ฉีกกระชากชุดเกราะตัวนี้จนแหลกคามือ
โทนี่ สตาร์ค ผลิตชุดเกราะตัวนี้ขึ้นมาในช่วงเหตุการณ์ครอสโอเวอร์ระหว่าง Transformer และ Marvel โทนี่ สตาร์คผลิตชุดเกราะตัวนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันการรุกรานของเหล่า Decepticons หุ่นยนตร์ตัวร้ายจากเรื่อง Transformer ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วโทนี่ก็ได้เข้าปะทะกับ Megatron ผู้นำของเหล่าร้ายซึ่งในท้ายที่สุดแล้วชุดเกราะตัวนี้ก็ถูกทำลายลงอย่างราบคาบไปอีกตัว
ชุดเกราะตัวนี้ได้รัการพัฒนาต่อยอดมาจากชุดเกราะ Hulkbuster ตัวแรกที่โทนี่เคยใช้ในการต่อกรกับ Hulk มาคราวนี้โทนี่ได้ผลิตชุดเกราะตัวพิเศษนี้ขึ้นมาเพื่อต้อนรับการมาเยือนของ Hulk ภายหลังจากที่เหล่า Illuminati ได้จัดการส่ง Hulk ออกไปนอกโลกจากเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้เกิด Event World War Hulk ขึ้น โทนี่ได้ใช้ชุดเกราะนี้ในการเข้าต่อสู้กับ Hulk แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ Hulk ได้จัดการฉีกชุดเกราะตัวนี้ทิ้งอีกเช่นเคย (บางทีเราก็ไม่ค่อยอยากจะนับแล้วว่ามีชุดเกราะกี่ตัวที่ถูกฉีกกระชากไปอย่างเปล่าๆ ปลี้ๆ…)
จากเหตุการณ์ที่ว่าถ้าโทนี่ สตาร์คประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์กับ Dr.Stephen Strange จะเกิดอะไรขึ้นซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้เพื่อนของเขาพิการ โทนี่ ที่รู้สึกผิดจึงออกเดินทางเพื่อหาวิธีมารักษาเพื่อนของเขาให้หาย ในท้ายที่สุดนั้นโทนี่ก็ได้รับพลังวิเศษมาจากจอมเวทย์สูงสุดบวกกับความเก่งกาจทางด้านวิทยาศาตร์ของเขาส่งผลให้เวทย์มนต์และวิทยาศาสตร์ต้องมาเจอกันจึงได้ก่อให้เกิดเป็นจอมเวทย์ Ironman ขึ้นมาจุดเด่นของชุดเกราะตัวนี้ก็คือความสามารถในการใช้เวทย์มนต์นั้นเอง
ดังที่เห็นว่าชุดเกราะของ Iron man ส่วนมากเป็นชุดเกราะที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป แต่ก็เช่นเดียวกันที่หลายๆครั้งชุดเกราะของ Ironman มักจะถูกทำลายทิ้งอย่างง่ายดายโดยศัตรูของเขาจนพังไปแทบจะทุกชุด แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้และลุกขึ้นมาผลิตเกราะและนำไปใช้ในการต่อสู้กับศัตรูหน้าใหม่ของเขาอยู่เสมอ (อันนี้อาจจะต้องนับว่าตระกูล Stark นั้นรวยทะลุล้นฟ้าไม่รู้เรื่องด้วยแล้วล่ะก็นะ…)
ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่าในช่วงแรกที่ Stan Lee ออกแบบตัวละครตัวนี้ขึ้นมานั้นเขามีแนวคิดสุดประหลาดที่แตกต่างจากซุปเปอร์ฮีโร่ร่วมสมัยคนอื่นๆที่มักจะเป็นคนดีและถึงแม้จะทำข้อผิดพลาดมาบ้างแต่ก็ไม่เคยทำผิดตลอด แต่โทนี่นั้นถูกสร้างขึ้นมาภายใต้เงื่อนไขที่ว่าตัวละครตัวนี้จะต้องเป็นตัวละครที่คนเกลียดกันด้วยลักษณะของเขาแต่จะทำอย่างไรให้คนหันมาชอบตัวละครตัวนี้ซึ่งสุดท้ายแล้วทาง Marvel ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในการสร้างตัวละครที่มีคนชื่นชอบมากที่สุดในโลกอย่าง โทนี สตาร์ค หรือยอดมนุษย์เหล็ก Iron man
The post Iron Man มหาประลัยคนเกราะเหล็กในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน!! appeared first on Rabbit.
พูดถึงประเทศไทยสมัยนี้ ไม่ว่าจะที่ไหนก็คงได้เห็นแต่ความเจริญ แสงสี และรถที่ติดอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นภาพชินตาของคนไทยสมัยนี้อยู่ไม่น้อย และหากต้องย้อนกลับไปเมื่อช่วงทศวรรษ 1980 แล้ว หลายคนก็อาจจะลืมเลือนไปแล้ว
ช่างภาพชาวญี่ปุ่นอย่าง Doi Kuro ที่เดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทยในปี พ.ศ.2527 จึงได้โพสต์ภาพประเทศไทยในความทรงจำที่เขาได้บันทึกไว้ระหว่างเดินทางไปจังหวัดต่างๆของไทยไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ทำให้ได้เห็นเมืองไทยในมุมต่างๆ อย่าง เยาวราช , โรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ, ทางรถไฟ จ.กาญจนบุรี รวมไปถึงตลาดที่จ.เชียงใหม่
เรียกความทรงจำให้กับคนยุค 80 ไม่น้อยทีเดียว
ขอบคุณภาพจาก Doi Kuro
The post จำได้ไหม?? “ประเทศไทยปี 2527” เยาวราช – ตลาด -โรงหนัง จากเลนส์ช่างภาพชาวญี่ปุ่น appeared first on มติชนออนไลน์.